คอลัมน์ : คนสร้างมัน
โดย : นัตเขต ตันปิง
ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรนาบ่อคำพัฒนา
จำกัด
วันนี้ผมทีมงานคนสร้างมันจะพาพี่น้องเข้าไร่มันสำปะหลังอีกแล้วครับ เพราะเป็นหน้าที่หลักของคนสร้างมันอยู่แล้ว วันนี้เราจะพาพี่น้องไปดูไร่มันสำปะหลังของ ป้ามะลิ ม่านมูล
สมาชิกสหกรณ์การเกษตรนาบ่อคำพัฒนา
จำกัด โดยการบริหารงานของผู้จัดการสหกรณ์ฯนัตเขต ตันปิง
ที่มีแนวคิดที่ว่า
“ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
จะประสบความสำเร็จได้ต้องเริ่มจากการเรียนรู้ก่อน แล้วจึงลงมือทำ โดยไม่ย่อท้อ
ปัญหามีไว้ให้แก้”
ป้ามะลิ ม่านมูล
สมาชิกสหกรณ์การเกษตรนาบ่อคำพัฒนา
จำกัด ได้ปลูกมันสำปะหลังจำนวน 6
ไร่ และได้วางระบบน้ำหยด และปรับปรุงโครงสร้างดินก่อนปลูกตามระบบของสหกรณ์ฯ หรือระบบคนสร้างมัน และผลงานก็อย่างที่เห็นครับ มันอายุ
4 เดือน ผลผลิต
และความสมบูรณ์ของต้นมัน
ตลอดจนหัวมันถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับ
จากการดูคร่าว ๆ น่าจะต้องมี 4 – 5 ตันต่อไร่แล้ว
ส่วนใหญ่ป้ามะลิจะใช้แรงงานตัวเองในครอบครัวเท่านั้นคือลุงเสาร์
ม่านมูลเท่านั้นไม่จ้าง
และยังมีเวลาเหลือที่จะไปรับจ้างคนอื่นที่ปลูกมันเจ้าอื่นอีก แล้วถามว่า แล้วทำไมไม่ทำในไร่มันตัวเอง
ป้ามะลิกับลุงเสาร์บอกกับทีมงานคนสร้างมันว่า ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว
ว่างงานตั้งแต่เดือนที่ 2 แล้ว
จึงต้องไปรับจ้าง
คนสร้างมันถามว่า และ 2
เดือนที่ผ่านมาไปรับจ้างชาวบ้านได้เงินเท่าไหร่ครับ ลุงกับป้าบอกประมาณเกือบ 20,000 บาท
นอกจากนั้นป้ามะลิยังปลูกพืชหมุนเวียนอื่นอีกไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด พริก
มะเขือ ผักสวนครัวต่าง ๆ ตามคำแนะนำของผู้จัดการนัตเขต ตันปิง
ผู้จัดการสหกรณ์
ที่เน้นเศรษฐกิจพอเพียง
ทำให้ป้ามะลิมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
และป้ามะลิยังบอกกับทีมงานคนสร้างมันมาอีกว่าปีหน้าไม่กู้เงินสหกรณ์ลงทุนแล้ว คนสร้างมันถามว่า ทำไมหล่ะ?
ป้าบอกว่าไม่รู้จะกู้เงินมาทำอะไรแล้ว
เพราะต่อไปสหกรณ์ต้องเป็นหนี้ป้า?
ทำไมเพราะ
“ป้าจะเอาเงินไปฝากที่สหกรณ์เพราะป้าเป็นสมาชิกสหกรณ์”
ครับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังครับในฐานะทีมงานคนสร้างมัน
ได้เห็นเมล็ดพันธุ์ที่เราช่วยเกษตรกรให้เค้าลืมตาอ้าปากได้ อย่างป้ามะลิ
ม่านมูล ก็หายเหนื่อยครับ พี่น้องครับแค่ก้าวแรกของเรา
คนสร้างมันเราจะก้าวต่อไปและจะช่วยเหลือพี่น้องที่ปลูกมันสำปะหลังในเรื่องของผลผลิตครับ งั้นเราเข้าเรื่องกันเลยครับ เกี่ยวกับระบบน้ำ
ปัจจุบันนี้ปัญหาเรื่องการปลูกมันสำปะหลังพันธุ์เกร็ดมังกรจัมโบ้ เรื่องผลผลิตไม่น่าห่วงแล้ว แต่เรื่องเปอร์เซ็นต์แป้งน้อย
จึงเป็นหน้าที่คนสร้างมันที่จะศึกษาพัฒนาว่าจะทำอย่างไร
หลังจากเราศึกษาจึงได้ค้นพบว่ามีสารตัวหนึ่งเป็นแร่ธาตุภูเขาไฟ มีส่วนช่วยคายบล็อกฟอสเฟต ช่วยให้รากพืชดูดซับอาหารมากขึ้น
ส่งผลให้เพิ่มเปอร์เซ็นต์แป้งให้กับมันสำปะหลังได้ และเป็นการช่วยเพิ่มผลผลิตอีกทางหนึ่ง
เราเริ่มหัวข้อที่ว่า
การปลูกมันสำปะหลังที่ใช้ระบบน้ำเข้ามาช่วย และส่วนใหญ่
เราเข้าใจกันว่าการปลูกมันที่มีระบบน้ำนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นระบบน้ำหยดอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้ว ระบบน้ำของคนสร้างมันก็มีอยู่สองระบบ แล้วแต่พี่น้องเกษตรกร สมาชิกจะใช้ระบบไหน และต้นทุนต่างกัน แล้วแต่ละระบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ต้นทุนก็ต่างกัน การลงทุนก็ห่างกันครึ่งต่อครึ่งครับ และผลผลิตก็ไม่ต่างกันมาก
ก่อนอื่นที่เราจะมาเริ่มปลูกมัน ไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำหรือไม่มีระบบน้ำ หัวใจหลักคือ “การปรุงดิน” ก่อนครับ
การปรุงดินของคนสร้างมัน
“เราจะใช้สารอินทรีย์
อนินทรีย์ และจุลินทรีย์ สามอย่างนี้เข้ามารวมกัน ก็คือ
ใช้สามอย่างรวมกันแล้วหมักรวมกันประมาณ 3 – 6 เดือน แล้วจึงนำมาใส่ในไร่มันสำปะหลัง 1
ไร่ ใช้อยู่ 1
ตันครับ แล้วแต่สภาพดิน
โรยสารปรับปรุงดินคนสร้างมัน
ประมาณไร่ละ 1 ตัน
และไถด้วยผาน 3 แปรด้วยผาน 7 แล้วยกร่อง 1.20 เมตร ระยะห่าง
70 ซม. ปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่
จะ ปลูกได้ 1,900 ต้น
วิธีการปลูกให้ปลูกเฉียง 45 องศา
แล้วคุมหญ้าด้วยยาคุมหญ้า
เป็นอันเสร็จในเรื่องการปลูกมันสำปะหลัง
และระบบน้ำก็จะพูดถึงระบบประหยัดก่อน
เพราะระบบนี้ลงทุนน้อย
แต่ต้องมาคำนวณนะ
ว่าปีนี้ฝนจะตกเดือนไหน เป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับระบบนี้
เพราะว่ามันสำปะหลังจะทำงานอย่างมากสุด
3 เดือนเท่านั้นเอง
ครับเราเริ่มตรงพื้นที่ของจังหวัดกำแพงเพชรก็แล้วกัน สำหรับเกษตรกรท่านอื่นที่ไม่ได้อยู่กำแพงเพชรก็ประมาณการเอานะครับ เราจะเริ่มต้นปลูกเดือน มีนาคมครับ
เป็นเดือนที่เหมาะที่สุดสำหรับระบบน้ำเทวดา หลังจากนี้เราปรับปรุงดินโดยการปรุงดิน แล้วเราไถผาน 3 แล้วแปลด้วยผาน 7 แล้วก็สูบน้ำใส่ในไร่มัน หลังจากนั้นประมาณ 7 – 10 วัน แค่ดินพอเหมาะ (แค่รถไถลงยกร่องได้
ก็ยกร่องได้เลย) ระยะร่อง 1.20 เมตร และปลูกได้เลย
แต่อย่าลืมต้องปลูกเฉียง 45
องศานะครับ
ปลูกเสร็จก็คุมยาคุมเลย
หลังจากนั้นประมาณ 15
วัน เราก็สูบน้ำใส่อีกครั้ง สรุป
เดือนละ 2 ครั้ง
เป็นเวลา 1 – 3 เดือน
ถ้าโชคดีอาจจะไม่ต้องสูบน้ำใส่ก็ได้
เพราะว่าประมาณกลางเดือนมีนาคม
อาจจะมีฝนหลังฤดู แต่ถ้ามีนาคมฝนไม่ตกลงมาเราก็สูบน้ำใส่ ถ้าเดือนเมษายนฝนไม่ตกอีกก็สูบน้ำใส่ แต่ถ้าพฤษภาคม
ฝนจะเริ่มตกดี แสดงว่าเริ่มมาแล้วเพราะว่าในน้ำฝนจะมีไนโตรเจนถึง 5 % จะทำให้มันที่มีอายุ 1 เดือน
ถึง 1 เดือนครึ่ง จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
จึงทำให้ปัญหาเรื่องหญ้าทำงานแค่ครั้งเดียวครับ
เข้าเดือนพฤษภาคมมันมีอายุ 2
เดือน
ก็สามารถใส่ปุ๋ยเร่งหัวได้เลยครับ
และพอเข้าเดือนมิถุนายนเข้าสู่เดือนที่สามก็ไม่มีงานทำแล้ว แค่รอใส่ปุ๋ยอีก 2 ครั้ง คือ
4 เดือน และ 6 เดือน
จากนั้นมันอายุประมาณ 10 – 11
เดือน ก็ขุดได้เลย แต่แนะนำขุดเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ จะได้พอดีกับการปลูกมันในงวดต่อไป คือปลูกเดือนมีนาคม – เมษายน และขุดเดือน
มกราคม – กุมภาพันธ์
จะได้พอดี 10 เดือน
จะได้ทั้งน้ำหนัก และเปอร์เซ็นต์แป้งของมันสำปะหลัง ผลผลิตของระบบนี้น่าจะได้ 8 – 10 ตันต่อไร่ ถ้าเราคิดว่าเหง้าหรือ 1 ต้นของมันสำปะหลัง คิดเฉลี่ยที่ 5 – 6 กิโลกรัมต่อ 1 ต้น และ 1 ไร่
ก็ได้ 1,900 – 2,000 ต้น
ผลผลิตก็ตามเป้าที่คิดไว้คือ 8 –
10 ตันต่อไร่แบบสบาย ๆ
โดยไม่ต้องกังวลใจเพราะทำตามระบบที่คนสร้างมันทำไว้ให้ ต้นทุนระบบน้ำเทวดา ต้นทุนน่าจะอยู่ที่ไร่ละ 2,000 – 2,500
บาท สูบน้ำ 6
ครั้ง คือ ให้น้ำเดือนละ 2 ครั้ง
ส่วนต่อในเรื่องของระบบน้ำหยด ก็หลักการเดียวกับระบบน้ำเทวดา คือ
หลังจากที่เราปรับปรุงดินปรุงดินแล้ว
ให้ยกร่อง
แต่เราต้องวางระบบน้ำหยดก่อนปลูกมัน
ทำการทดลองเดินระบบน้ำหยด แล้วจึงค่อยปลูกมันสำปะหลัง ปลูกเสร็จแล้วคุมยาคุมหญ้า และการให้น้ำอาจจะให้ 7 – 10
วัน ให้ครั้งหนึ่ง ระยะห่างการปลูกในระบบน้ำหยดคือ 1.20 เมตร
× 90 ซม.
1 ไร่จะปลูกได้ 1,500
ต้น
แต่ระบบน้ำหยดจะปลูกห่างกว่า
ผลผลิต 10 – 15 ตันต่อไร่
โดยเฉลี่ยน้ำหนักต่อต้นอยู่ที่ 7 – 10
กิโลกรัมต่อต้น × 1,500
ต้นต่อไร่ ผลผลิตจะได้ 10 –
15 ตันต่อไร่ การลงทุนระบบน้ำหยดเฉลี่ยแล้ว 1
ไร่จะลงทุนประมาณ 5,000 –
6,000 บาท ส่วนใหญ่จะแพงค่าแรง แต่ถ้าเราทำเองก็จะอยู่ที่ 4,000 – 4,500 บาท
และสามารถให้ปุ๋ยทางน้ำได้
สรุประบบน้ำที่คนสร้างมันคิดให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังมี 2 ระบบ
คือ
ระบบที่
1 ระบบน้ำเทวดา คือ
ปลูกต้นฤดูฝน ประมาณช่วงเดือน มีนาคม – เมษายน และอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติเข้าช่วย จะทำให้ช่วงที่มันต้องการน้ำที่สุดคืออายุ 3 –
4 เดือน น่าจะพอดีกับความต้องการน้ำ ต้นทุนก็ต่ำอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500
บาทต่อไร่
อุปกรณ์ที่ใช้ก็ท่อกับสายยางครับ
อายุการใช้งาน 3 – 5 ปี
เหมาะสำหรับพี่น้องเกษตรกรที่มีงบน้อยครับ
ระบบที่ 2 ระบบน้ำหยด คือ
ระบบน้ำหยดจะเริ่มปลูกเหมือนกันคือ เริ่มเดือนมีนาคม – เมษายน แต่อาจจะให้น้ำถี่ในช่วง 7 – 10 วัน
สามารถให้ปุ๋ยทางน้ำได้
และไม่ต้องกังวลเรื่องฝนจะตกหรือไม่ตก
และสามารถเร่งผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากกว่าระบบที่ 1
จำนวน 2 – 5 ตัน จากประสบการณ์ที่ทำมา แต่ต้นทุนต่อไร่ประมาณ 4,000 – 6,000
บาทต่อไร่
อายุการใช้งานประมาณ 2 – 3 ปี
และต้องมีค่าใช้จ่ายในปีต่อไปประมาณ 2,000 – 3,000 บาท
ในเรื่องของเช่น ค่าข้อต่อ กาว
ข้อต่อตรงสายน้ำหยด
และค่าแรงในการเก็บและการติดตั้ง
ก็เป็นทางเลือกสำหรับพี่น้องชาวไร่มันสำปะหลังครับ
รายละเอียดสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
“www.คนสร้างมัน.com” หรือจะโทรมาสอบถาม หรือถ้าท่านใดต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ต้องการมาศึกษา ดูงาน
ลงภาคสนามลงพื้นที่จริง ๆ
ติดต่อโดยตรงได้ที่เบอร์“คนสร้างมัน”เบอร์โทร. 081-9725012 หรือติดต่อได้ที่สหกรณ์การเกษตรนาบ่อคำพัฒนา จำกัดเบอร์โทร. 055-763330
“เราคือมิตรแท้ของเกษตรกรตัวจริง” จากใจคนสร้างมัน “นักสู้หลังพระ”
ข้อมูลจากนิตยสารพืชพลังงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น